12 ฟังก์ชั่นใหม่บน Facebook ที่นักการตลาดต้องรู้

8
May

เว็บไซต์ ขาย สินค้า ออนไลน์

เว็บไซต์ ขาย สินค้า ออนไลน์

1. Dynamic Product Ads
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Facebook ได้มีการให้บริการรูปแบบใหม่ สำหรับการโฆษณาที่เรียกว่า Dynamic Product Ads เพื่อช่วยให้นักการตลาดสามารถโปรโมทสินค้า หรือบริการให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้นในทุกรูปแบบ ด้วยบริการใหม่นี้ นักการตลาดสามารถโฆษณาผลิตภัณฑ์ของตนเองได้ทั้งแบบผลิตภัณฑ์เดียวโฆษณาเดียว หรือชุดของผลิตภัณฑ์ 3-5 ชิ้นในโฆษณาตัวเดียว โดยการที่จะใช้งาน Dynamic Product Ads นั้น คุณจะต้องมีการสมัครใช้งานบัญชี Business Manager Account กับ Facebook และทำการอัพโลด Catalog สินค้า หรือโฆษณาขึ้นไปบน Facebook หลังจากนั้น Facebook จะช่วยจัดการโฆษณาสินค้าที่เหมาะสมกับลูกค้าที่เหมาะสมของคุณโดยอัตโนมัติ ในเวลาที่เหมาะสม โดยนักการตลาดบางคนประเมินว่า Functionดังกล่าว จะช่วยทำให้ลูกค้าที่เข้าชมเว็บไซต์ทำการสั่งซื้อสินค้าหรือบริการได้มากขึ้นถึง 20%

2. ปุ่ม Calls to Action สำหรับหน้าเพจธุรกิจ
Facebook ได้นำ Feature ใหม่ที่เรียกว่า “Calls to Action” มาอยู่บนหน้าเพจของสำหรับทำธุรกิจเพื่อช่วยให้นักการตลาดสามารถทำการ Marketingด้วย Facebook ได้สะดวกขึ้น โดย Feature ใหม่นี้ admin ของเพจ สามารถที่จะเพิ่มปุ่ม “Call to Action” ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆกับปุ่ม “ติดต่อเรา” ในหน้าเว็บเพจของตัวบริษัทต่างๆเอง โดยทาง Admin สามารถกำหนดได้ว่า เมื่อมีการกดปุ่มดังกล่าว จะกำหนดได้ว่า จะมีการเชื่อต่อไปยัง URL ใดๆก็ได้ ทั้งใน และนอก Facebook โดยมี Functionต่างๆ 7 อย่างให้เลือก ได้แก่ Sign Up, Play Game, Use App, Shop Now, Book Now, Watch Video และ Contact Us

3. การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าน่าจะสนใจ
เพื่อช่วยให้นักการตลาดสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ง่ายขึ้น Facebook ได้อนุญาตให้เจ้าของเพจทำการกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดความสนใจของกลุ่มลูกค้า กิจกรรมที่ลูกค้าชอบทำ งานอดิเรจ เพจที่ลูกค้า Like หรือแม้กระทั่งกรุปที่ลูกค้าเป็นสมาชิกอยู่ เช่น หากนักการตลาดต้องการโพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับ Social Media Event ก็สามารถกำหนดกลุ่มลูกค้าที่ดูเหมือนว่าจะให้ความสนใจในกลุ่ม Social Media New ได้ง่ายขึ้น โดยฟังก์ชั่นนี้ยังสามารถกำหนดการใช้งานได้เฉพาะบนคอมพิวเตอร์เท่านั้น โดยไปเปิดใช้งานในส่วนของ “Targeting and Privacy for Posts” ภายใต้เมนู Settings

4. การกำหนดวันหมดอายุของโพสต์
ทำให้คุณสามารถกำหนดวันที่จะต้องการให้โพสต์นั้นแสดงได้ถึงช่วงเวลาที่กำหนด โดยคนจะไม่สามารถเห็นโพสต์ที่หมดอายุแล้วในหน้า News Feed แม้ว่าโพสต์นั้นจะยังอยู่บนหน้าเพจของคุณก็ตาม โดย Function นี้จะช่วยป้องกันโพสต์ หรือดีลต่างๆที่หมดอายุแล้วจากการปรากฎขึ้นมาในหน้า News Feed อีกครั้งหนึ่ง แต่การกำหนดนี้ จะสามารถทำได้ผ่านคอมพิวเตอร์เท่านั้น และใช้งานได้เฉพาะหน้าเพจที่มีการเปิดใช้งานฟังก์ชั่น “Targeting and Privacy for Posts” เท่านั้น

5. การแสดงหน้าเพจอัจฉริยะ
สำหรับ Options ใหม่นี้ คุณสามารถกำหนดเงื่อนไขเพื่อให้เพจแสดงหน้าโพสต์ที่เหมาะสมไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณได้ง่ายขึ้น เมื่อเปิดใช้งานแล้ว Links ที่มีการแชร์กันเป็นจำนวนมากๆ จะไปปรากฎอยู่ใน News Feed ของลูกค้าเป้าหมายของคุณใน Facebook โดยฟังก์ชั่น Smart Publishing นี้ จะยังคงจำกัดอยู่กับหน้าเพจบางเพจ ที่มีการใช้งาน “Publisher Tools” ในส่วนของ Setting เท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากโพสต์ของ The New York Times ได้รับการแชร์เป็นจำนวนมาก ทาง Facebook จะนำหน้าโพสต์เหล่านั้นแสดงยัง News Feed ของผู้ใช้งานที่เข้าไปกด Like เป็นแฟนเพจของ New York Times ให้กลุ่มลูกค้าเห็นได้ง่ายขึ้น

6. Insights ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
Facebook ได้มีการพัฒนาระบบใหม่ เพื่อที่จะเจาะลึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับ Trafficที่เข้ามาจากหน้าเพจอื่นๆ หรือข้อมูลเกี่ยวกับการแชร์หน้าเพจของคุณ หรือการ Like ต่างๆ ได้รายละเอียดลึกมากขึ้น โดยคุณจะเข้าถึงหน้า Insights Dashboard ซึ่งจะมีข้อมูลรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับการเข้าถึงหน้าเพจ รวมถึงในส่วนของ Top URL ซึ่งจะโชว์ URL ของหน้าเว็บเพจที่มีข้อมูลการแชร์ส่ิงที่คุณโพสต์ลงหน้าเพจของคุณจากคนดัง ซึ่งจะช่วยทำให้คุณเข้าใจได้มากขึ้นว่าทำไมหน้าเพจบางอันถึงมีคนเข้ามากกว่าหน้าเพจอื่น

7. Remarketing
ฟังก์ชั่นการใช้งานที่จะกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อการทำการตลาดซ้ำ (Remarketing) ช่วยให้คุณสามารถ customize กลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น ไม่ว่าจะกำหนดให้รวม หรือยกเว้นกลุ่มลูกค้ากลุ่มไหน โดยจะช่วยให้คุณสามารถทำการตลาดใหม่อีกครั้ง โดยกำหนดเงื่อนไขให้ข้ามกลุ่มลูกค้าปัจจุบันไป และพุ่งไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ให้กลับมาใช้บริการได้มากขึ้น

8 . การปรับปรุง Video API
เมื่อไม่นานมานี่ ทาง Facebook ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบในการใช้งาน Video API ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น ด้วยการให้คุณสามารถจัดการวีดีโอได้อย่างง่ายดาย ตามที่ต้องการมากขึ้น ไม่เพียงแค่จะสามารถแอดวีดีโอไปยังหน้าเพจของธุรกิจเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้าง Playlist ที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้เข้าชมช่วยกันแชร์หน้าเพจต่อไปได้เรื่อยๆ รวมไปถึงการกำหนดหน้า Preview ของวีดีโอด้วยตัวเอง การกำหนดวันหมดอายุของวีดีโอ การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้าชมวีดีโอได้ เป็นต้น

9. การเปลี่ยนแปลงในการค้นหาข้อมูลใน Facebook
ด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ คุณสามารถหาทุกอย่างได้ใน Facebook ไม่ว่าจะเป็น Posts, Links , Video หรือรูปภาพต่างๆ โดยผลการค้นหาข้อมูล จะแตกต่างกันไปสำหรับผู้ใช้งานแต่ละคน โดยคุณจะเห็นเฉพาะสิ่งที่เพื่อนคุณ เคยแชร์ให้กับคุณไว้ได้ ซึ่งจะช่วยนักการตลาดในแง่ของการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย การคอมเม้นต์และการแชร์สิ่งต่างๆในเพจได้อย่างสะดวกมากขึ้น

10. จำนวนการ Like หน้าเพจที่มีความหมายมากขึ้น
ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2015 เป็นต้นมา ทาง Facebook ได้มีการอัพเดทการนับจำนวน Like ของหน้าเพจใหม่ ด้วยเครื่องมื่อ Audience Insight ที่ทำให้การนับจำนวน Like ของหน้าเพจมีความหมายมากขึ้น รวมไปถึงข้อมูลในเชิงลึกของผู้ที่ Like Page นอกจากนี้ ยังได้มีการหักลบจำนวน account ที่ไม่ active จากจำนวนผู้ที่ Like เพจ ซึ่งเครื่องมือนี้ ช่วยทำนักการตลาดสามารถกำหนดเป้าหมายกลุ่มลูกค้า และติดตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

11.หน้าเว็บอินเตอร์เฟสโดยเฉพาะสำหรับ Facebook Messenger
หลังจากได้ Launch เว็บไซต์สำหรับอินเตอร์เฟสในการใช้ Whatsapps โดยเฉพาะไปเมื่อไม่นานนี้ ทาง Facebook เอง ยังได้มีการจัดเตรียมหน้าอินเตอร์เฟสไว้สำหรับโปรแกรมแชตของตัวเองไว้โดยเฉพาะ ผ่านเว็บไซต์ messenger.com ซึ่งจะช่วยทำให้คุณไม่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปจากหน้า Timeline ที่มีการฟีดข่าว หรือการแจ้งเตือนต่างๆ เมื่อคุณกำลังอ่าน หรือแชตผ่าน Messenger ซึ่งจะช่วยทำให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยนอกจากแชตในหน้าเว็บไซต์แล้ว ยังสามารถอัดเสียงและส่งเป็นข้อความ หรือทำการโทรผ่านระบบวีดีโอความคมชัดสูง รวมถึงส่งรูปภาพ หรือวีดีโอได้โดยตรงแบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อน

12. การฝังโปรแกรมเล่นวีดีโอเข้าไปกับเว็บไซต์
แม้ว่าตอนนี้ คุณสามารถที่จะฝังหรือแนบหน้าโพสต์ของ Facebook เข้าไปในเว็บไซต์ของคุณได้แล้ว แต่ต่อไป คุณยังสามารถฝังวีดีโอที่โพสต์ไว้ใน Facebook ไปยังหน้าเพจของคุณได้โดยตรง ผ่านการกด F8 เพียงแค่ copy และ paste ตัว code ของหน้าวีดีโอไว้ ซึ่งการที่สามารถโพสต์วีดีโอจากเฟสบุคไว้บนหน้าเว็บเพจของคุณเองได้เลย จะช่วยทำให้มีปริมาณผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณเพิ่มได้มากขึ้นด้วย

ในปัจจุบันเว็บไซต์ได้มีการพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อให้โดนใจลูกค้ามากที่สุด หากผู้อ่านท่านไหนสนใจอยากเป็นเจ้าของธุรกิจเว็บไซต์แบบนี้บ้าง ลองใช้บริการบริษัท รับทำ online shop  หรือ รับทำ e-commerce ชั้นนำ กันดูไหมครับรับรองได้ว่าคุณจะได้เว็บที่สวยถูกใจอย่างแน่นอน

ที่มา : marketeer.co.th