Facebook ร่วมมือกันผลักดัน ธุรกิจทำเว็บไซต์ e-commerce

19
Jan

 

ทําเว็บขายของ

Facebook ได้ร่วมกันกับทุกภาคส่วน และผู้ประกอบการ ทำเว็บไซต์ e-commerce  เพื่อเปลี่ยน Facebook pages เป็นศูนย์กลางแหล่งรับทำ online shop ที่เต็มไปด้วยแรงกระตุ้นจากคำแนะนำจากเพื่อนๆ ที่ ?ชอบ? ที่จะซื้อ

Facebook ได้พยายามที่จะดึงดูดบริษัทต่างๆ เช่น สายการบิน เดลต้า (DAL) และ J.C. Penney (JCP) เพื่อขายสินค้าบนหน้า Facebook page ของตัวเองและเปลี่ยนผู้ใช้ มากกว่า 500 ล้านคน ไปสู่ผู้ซื้อออนไลน์ นอกจากนี้ David Fisch ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ Facebook ได้สร้างกลุ่มหุ้นส่วนในธุรกิจ E-Commerce กว่า 20 บริษัท โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ผู้ค้าปลีกตั้งร้านค้าบนหน้าเว็บและสร้างเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้เว็บโต้ตอบในขณะที่มีการซื้อขายอีกด้วย
Facebook เพิ่มฟีเจอร์ของทำเว็บไซต์ ecommerce  เพื่อดึงดูดผู้ใช้ให้อยู่ในระบบนานขึ้น และสร้างยอดขายโฆษณาเพิ่มขึ้น ความพยายามของ บริษัท อาจหันมาเป็นทางเลือกช้อปปิ้งออนไลน์ไปยังร้านค้าปลีกเช่นอีเบย์ (EBAY), Sucharita Mulpuru นักวิเคราะห์จาก Forrester Research (FORR) กล่าวว่า?”มันยังไม่ใช่เรื่องปกติ ที่ผู้คนจะเข้ามา Facebook เพื่อที่จะซื้อของ แต่มันไม่ขั้นตอนที่ไกลจนเกินไป”
ทีมงานของ Fisch ถูกจัดตั้งขึ้นในเดือนพฤศจิกายน โดยมุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจเกมและสื่อ”ท้ายที่สุดแล้วความรับผิดชอบอยู่ในทีมของผมในการพิสูจน์เราสามารถสร้างจำนวนมากที่มีค่าสำหรับผู้ใช้ และเราหวังที่จะเห็นนวัตกรรมที่หลากหลายมากขึ้น” Fisch กล่าว

เปลี่ยนหน้า Pages ให้เป็นหน้าร้าน

อีกจุดเริ่มต้นหนึ่งที่ช่วยผู้ค้าปลีกในการขายสินค้าผ่าน Facebook นั่นคือ Payvment ซึ่งทำ Software ที่ช่วยเปลี่ยน Facebook pages ให้เป็นหน้าร้านขายของที่รับชำระด้วยบัตรเครดิตหรือบริการชำระเงินออนไลน์ของ Paypal

Payvment เริ่มต้นด้วยผู้ค้าปลีกใน Facebook จำนวน 250 รายต่อวัน ซึ่งได้เพิ่มขึ้น 42% ตั้งแต่เดือนสิงหาคม และปัจจุบันได้มีผู้ขายที่ใช้ Payvment มากกว่า 40,000 ราย และมีการซื้อขายสินค้ามากกว่า 750,000 ชิ้น ได้แก่เครื่องสำอางจากธรรมชาติ เครื่องประดับแฮนเมด เสื้อยืด ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม Facebook ยังเป็นศูนย์กลางการซื้อขายที่ไม่ใหญ่นัก โดยผู้ขายปลีกที่ใช้ Alvenda ที่มียอดการซื้อขาย $100,000 ต่อเดือน คิดเป็นยอดขาย $1.16 ต่อวินาที เทียบกับยอดขาย $2,000 ต่อวินาทีของ E-bay นับว่ายังห่างไกลกันอยู่มาก

นักลงทุนคาดหวังที่จะเห็น Social Commerce เติบโตแบบก้าวกระโดด ตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น?Eventbrite จัดโปรโมทกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่คลาสเรียนโยคะ จนไปถึงการสัมมนา โดยโปรโมทผ่านช่องทาง Facebook และ Twitter เพื่อชักจูงลูกค้าไปยังเวปไซต์ของตัวเองและปิดการขาย ด้วยวิธีนี้ บริษัทสามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 20ล้านเหรียญ ในเดือนตุลาคม

ในเดือนที่ผ่านมา Payvment ได้รับการสนับสนุนร่วมทุนจาก Sierra Venture เป็นจำนวน 6ล้านเหรียญ “เป้าหมายของเราคือการเป็นธุรกิจที่ใหญ่เทียบเคียงกับ eBay และ Amazon”?Vispi Daver ผู้บริหารของ Sierra Venture?กล่าวให้คำสัมภาษณ์?”Payvment ได้มีการเจริญเติบโตที่เหนือความคาดหมายอย่างมาก”

Payvment ยังอยู่ระหว่างการปรับแต่งรูปแบบทางธุรกิจ และยังไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมใดจากผู้ซื้อและผู้ขาย ในขณะที่ Alvenda คิดค่าบริการตั้งแต่ $5,000-$10,000 ต่อเดือน สำหรับการติดตั้งระบบหน้าร้านและค่าดูแลระบบ ส่วน eBay จะคิดค่าธรรมเนียมจากค่าโฆษณา การวางขายสินค้า และเมื่อสินค้าที่โฆษณาขายได้

เว็บไซต์ขายปลีกชั้นนำเชื่อมต่อกับ Facebook

แม้แต่เว็บไซต์ยักษ์ใหญ่ ยังต้องพึ่ง Facebook โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของเว็บไซต์ขายปลีกชั้นนำ รวมถึง eBay และ Amazon มีการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของตนเข้ากับ Facebook โดยผู้ที่ซื้อของบน Amazon สามารถเข้ามาในหน้า Facebook เพื่อดูคำแนะนำในการซื้อ โดยพิจารณาจากความชอบที่ผ่านมาของเพลงหรือภาพยนต์ที่ชอบ

เมื่อวันที่ 1 พย. ที่ผ่านมา eBay ออกโปรแกรม Group Gift เพื่อให้ผู้ใช้สามารถร่วมกันซื้อของสำหรับเป็นขวัญให้เพื่อน และแบ่งปันรายชื่อเพื่อนบน?Facebook ได้อีกด้วย “เรายังคงเพิ่มทางเลือกสำหรับระบบการซื้อของออนไลน์เข้ากับเครือข่ายทางสังคม แบ่งปันรายชื่อและหน้าเว็บอื่นๆของ eBay” Johnna Hoff โฆษกหญิงของ eBay กล่าว

“ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ร้อยละ 10-15 ของการใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยรวมในประเทศที่พัฒนาแล้วเกิดขึ้นผ่าน Facebook” Mike Fauscette นักวิเคราะห์ที่ บริษัท วิจัยไอดีซี กล่าว

มองว่านี่จะเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดันธุรกิจ รับทำเว็บไซต์ขายสินค้า ให้เป็นที่แพร่หลายมากขึ้น และจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ขายปลีกรายย่อยได้มีเวทีที่จะโดดเด่นได้ง่ายขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน คนยังนิยมที่จะซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ที่โด่งดังและมีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็น eBay หรือ Amazon การใช้ Social Network มาสนับสนุนการขาย เพราะการซื้อขายระหว่างกัน หรือตัวช่วยในการตัดสินใจ เช่นคอมเม้นต์หรือ feedback จากคนที่เรารู้จักจริงๆ เชื่อว่าจะช่วยทำให้ผู้ซื้อมั่นใจในเว็บไซต์ดังกล่าวมากขึ้น

ที่มา : http://thumbsup.in.th/2010/12/fb-drive-big-ecommerce/