28 Jan January 28, 2015 by atcreative in Blog, e-Commerce News ณ ปัจจุบันธุรกิจ รับทำเว็บไซต์ ecommerce กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ถือเป็นอีกกลยุทธ์เสริมความแข่งแกร่งในตลาดแอพพลิเคชันแท็กซี่ออนไลน์ที่น่าสนใจมาก เมื่อ GrabTaxi Singapore ประกาศเปิดตัวกองทุนชื่อ Provident Fund (GPF) ด้วยมูลค่า 3.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์หรือประมาณ 2.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กองทุนนี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อตอบแทนผู้ขับแท็กซี่ยอดเยี่ยมของ GrabTaxi ซึ่งจะทำให้ GrabTaxi ได้รับอานิสงส์ชนิดเต็มเม็ดเต็มหน่วย รายงานจาก Tech in Asia ระบุว่ากองทุนสวัสดิการผู้ขับแท็กซี่ของ GrabTaxi นี้ถูกตั้งขึ้นมาสำหรับผู้ขับแท็กซี่พันธมิตรของ GrabTaxi ที่ให้บริการด้วยมาตรฐานสูงอย่างสม่ำเสมอ โดยการันตีว่ากองทุนนี้คือผลจากความเข้าอกเข้าใจผู้ขับแท็กซี่ของ GrabTaxi อย่างแท้จริง Lim Kell Jay ผู้จัดการทั่วไป GrabTaxi Singapore ให้ความเห็นถึงเรื่องนี้ว่าสวัสดิการผู้ขับแท็กซี่นั้นเป็นประเด็นที่ GrabTaxi ให้ความสำคัญมานาน เนื่องจาก GrabTaxi มีความเข้าใจดีว่าผู้ขับแท็กซี่ต้องการอะไร ดังนั้นการตั้งกองทุน GrabTaxi Provident Fund จึงทำให้ GrabTaxi สามารถเตรียมเม็ดเงินเพื่อสนับสนุนผู้ขับของ GrabTaxi ได้ ซึ่งจะทำให้เหล่าผู้ขับแท็กซี่สามารถวางใจและเชื่อมั่นในการให้บริการคุณภาพแก่ลูกค้า GrabTaxi ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่า GrabTaxi ต้องการหาทางเพิ่มเครือข่ายนักขับแท็กซี่ให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถรับบริการจาก GrabTaxi ได้รวดเร็วขึ้น และทำให้ GrabTaxi ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานว่าปัจจุบันผู้ขับแท็กซี่พันธมิตรของ GrabTaxi ในสิงคโปร์มีจำนวนเท่าใด มีเพียงตัวเลขภาพรวมในภูมิภาคอาเซียนที่ระบุว่า GrabTaxi มีเครือข่ายผู้ขับแท็กซี่ราว 60,000 คน ทำให้ GrabTaxi วางเป้าหมายว่าจะต้องเพิ่มจำนวนผู้ขับแท็กซี่ในระบบให้ได้มากที่สุดช่วงปีนี้ เบื้องต้น ผู้บริหาร GrabTaxi ระบุว่ากองทุนนี้ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลผู้ขับแท็กซี่ การประกันภัยอุบัติเหตุ รวมถึงการประกันภัยพิบัติอื่นๆด้วย มีการตั้งข้อสังเกตว่ากองทุนของ GrabTaxi นี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากได้รับการเพิ่มทุนมูลค่า 340 ล้านเหรียญสหรัฐฯในรอบ 14 เดือนที่ผ่านมา โดยขอบเขตการให้กองทุนนี้คือ 300 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเดือนต่อคน หรือ 3,600 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปีต่อคน ไม่แน่ GrabTaxi ไทยอาจจะตั้งกองทุนเพื่อผู้ขับแท็กซี่บ้านเราบ้างก็ได้ จากบทความข้างต้นทุกคนคงจะรู้แล้วว่าทำไมจะต้องให้ความสำคัญกับธุรกิจ ขายสินค้าออนไลน์ใช่ไหมคะ ที่มา : Tech in Asia
